ด่วน 234 ทุนก.พ.เปิดรับแล้ว

มกราคม 7, 2010 by: 0
Visit 1,970 views

070615015750_111สำนักงาน ก.พ. เปิดรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อรับทุนรัฐบาล ประจำปี 2550 รวม 234 ทุน ระหว่างวันที่ 12 – 23 มีนาคม 2550 โดยแบ่งเป็น ทุนรัฐบาลของกระทรวง ทบวง กรมฝ่ายพลเรือนจำนวน 57 ทุน กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จำนวน 177 ทุน

ผู้มีสิทธิ์สมัครสอบแข่งขันรับ ทุน  ต้องเป็นผู้มีอายุไม่เกิน  35  ปี  นับถึงวันที่  23  มีนาคม  2550  และกำลังศึกษาชั้นปีสุดท้ายของหลักสูตรระดับปริญญาตรี  หรือเป็นผู้ได้รับปริญญาตรี  และมีคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรไม่ต่ำกว่า  3.00  (ยกเว้น  สาขาวิศวกรรมศาสตร์  วิทยาศาสตร์  วิทยาศาสตร์การแพทย์  เภสัชศาสตร์  มีคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรไม่ต่ำกว่า  2.75  หรือ  3.00)  หรือเป็นผู้ได้รับปริญญาโท  ประกาศนียบัตรเทียบเท่า  มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรไม่ต่ำกว่า  3.00  ต้องไม่ได้รับปริญญาโท  ที่มีวิชาเอกเน้นทางเดียวกับทุนที่จะไปศึกษา  และมีอายุไม่เกิน  40  ปี  นับถึงวันที่ปิดรับสมัคร
ผู้ประสงค์เข้าสมัคร คัดเลือกสามารถดูรายละเอียดได้ที่ศูนย์ข่าวการสอบ  สำนักงาน ก.พ.  ถนนพิษณุโลก  ศูนย์ข่าวการสอบ  สำนักงาน ก.พ.  ถนนติวานนท์  หรือสำนักงาน ก.พ. เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธา  สำนักงาน ก.พ. เครือข่ายมหาวิทยาลัยบูรพา  จังหวัดชลบุรี  สำนักงาน ก.พ. เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง  จังหวัดราชบุรี  สำนักงาน ก.พ. เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง    สำนักงาน ก.พ.  เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม  จังหวัดพิษณุโลก  สำนักงาน ก.พ. เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี  สำนักงาน ก.พ. เครือข่ายมหาวิทยาลัยขอนแก่น   สำนักงาน ก.พ.  เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี  สำนักงาน ก.พ. เครือข่ายมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  และทางเว็บไซด์ของสำนักงาน ก.พ. www.ocsc.go.th, http://scholar.ocsc.go.th เว็บไซด์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  http://stscholar.nstda.or.th

ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์
ด้วยสำนักงาน ก.จะดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อรับทุนรัฐบาลที่จัดสรรให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามความต้องการของส่วนราชการฝ่ายพลเรือนและรัฐวิสาหกิจ ประจำปีงบประมาณ 2550 (ทุนบุคคลทั่วไประดับปริญญา) ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12(8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.. 2535 และระเบียบ ก.. ว่าด้วยทุนของรัฐบาล พ.. 2535  ลงวันที่ 30 กันยายน .. 2535 จึงประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน พร้อมทั้งกำหนดหลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขันเพื่อรับทุน  ดังต่อไปนี้
1.  ทุนที่รับสมัครสอบ จำนวน 177   ทุน ดังนี้


1.1 ทุนด้านโลหะและวัสดุ จำนวน 47  ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาโท จำนวน 2 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาโท-เอก หรือ เอก จำนวน 36 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน 9 ทุน
1.2 ทุนด้านอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ จำนวน 35 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาโท-เอก หรือ เอก จำนวน 28 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน 7 ทุน
1.3 ทุนด้านเทคโนโลยีชีวภาพและสิ่งแวดล้อม จำนวน 57 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาโท-เอก หรือ เอก จำนวน 33 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน 24 ทุน
1.4 ทุนด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐาน จำนวน 12 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาโท-เอก หรือ เอก จำนวน 11 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน 1 ทุน
1.5 ทุนด้านบริหารเทคโนโลยี จำนวน 2 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาโท-เอก หรือ เอก จำนวน 1 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน 1 ทุน
1.6 ทุนด้านนาโนเทคโนโลยี จำนวน 24 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาโท-เอก หรือ เอก จำนวน 17 ทุน
- ศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน 7 ทุน

ทุนรัฐบาลตามความต้องการของกระทรวง ทบวง กรมฝ่ายพลเรือน
ประจำปีงบประมาณ 2550 (ทุนบุคคลทั่วไประดับปริญญา)

สำนักงาน ก.. จะดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อรับทุนรัฐบาลตามความต้องการของกระทรวง ทบวง กรมฝ่ายพลเรือน ประจำปีงบประมาณ 2550  (ทุนบุคคลทั่วไประดับปริญญา) ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.. 2535  และระเบียบ ก.. ว่าด้วยทุนของรัฐบาล พ.. 2535 ลงวันที่ 30 กันยายน พ.. 2535  จึงประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน พร้อมทั้ง กำหนดหลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขันเพื่อรับทุน ดังต่อไปนี้

1. ทุนที่รับสมัครสอบ จำนวน 41 หน่วย  รวม 57 ทุน
ทั้งนี้  เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการศึกษาในบางประเทศได้ปรับสูงขึ้นมาก สำนักงาน ก.อาจ ปรับเปลี่ยนประเทศที่กำหนดให้ไปศึกษาตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์ของทางราชการตามโครงการความร่วมมือด้านทุนการศึกษากับรัฐบาล หรือหน่วยงานของบางประเทศได้

2. ข้อผูกพันในการรับทุน

2.1  ผู้ได้รับทุนจะต้องกลับมารับราชการในส่วนราชการที่ ก.. กำหนด เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของระยะเวลาที่ได้รับทุน
2.2  กรณีที่ผู้ได้รับทุนไม่เข้ารับราชการชดใช้ทุนตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับสำนักงาน ก.. นอกจากจะต้องชดใช้เงินทุนที่ได้จ่ายไปแล้วทั้งสิ้น ยังจะต้องชดใช้เงินอีก 2 เท่าของจำนวนเงินทุนดังกล่าวให้เป็นเบี้ยปรับอีกด้วย


3. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครสอบ

3.1  ผู้มีสิทธิสมัครสอบจะต้องมีคุณสมบัติทั่วไป ดังนี้
3.1.1  เป็นผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 30   แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.. 2535  และเป็นผู้มีคุณสมบัติเฉพาะตามที่กำหนดไว้ในแต่ละหน่วยตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้

3.1.2  ทุนศึกษาระดับปริญญาโท
(1)  เป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีสุดท้ายของหลักสูตรระดับปริญญาตรี และต้องได้คะแนนเฉลี่ยสะสมรวมทุกภาคการศึกษาที่ผ่านมาในระดับปริญญาตรีไม่ ต่ำกว่า 2.75  หรือ 3.00  แล้วแต่กรณี และเมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว จะต้องได้คะแนนเฉลี่ยสะสมตลอด

หลักสูตรปริญญาตรี ไม่ต่ำกว่า 2.75 หรือ 3.00 แล้วแต่กรณีตามที่ได้กำหนดไว้ในแต่ละหน่วยตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้ (ในระบบการวัดผลที่คิดคะแนนให้ A=4, B=3, C=2, D=1, E หรือ F=0) หรือร้อยละ 70.00 หรือ 75.00 หรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ และมีอายุไม่เกิน 35 ปี  นับถึงวันที่ 23 มีนาคม 2550 หรือ
(2)  เป็นผู้ได้รับปริญญาตรีหรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาตรี และมีผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่ต่ำกว่า 2.75  หรือ 3.00 แล้วแต่กรณี  ซึ่งกำหนดไว้ในแต่ละหน่วยตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้


3.1.3  ทุนศึกษาระดับปริญญาเอก
เป็นผู้ได้รับปริญญาโทหรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาโท และมีผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่ต่ำกว่า 3.50  (ในระบบการวัดผลที่คิดคะแนนให้ A=4, B=3, C=2, D=1, E หรือ F=0) หรือร้อยละ 85.00 หรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ และมีอายุไม่เกิน 40 ปี นับถึงวันที่ 23 มีนาคม 2550

3.2  ผู้สมัครสอบที่มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมทุกภาคหรือตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่กำหนดไว้ ตามข้อ 3.1.2 หรือข้อ 3.1.3  จะต้องมีหนังสือรับรองผลการเรียนจากสถานศึกษา มาแสดงว่าเป็นผู้มีผลการเรียนเทียบเท่ากับผลการเรียนที่กำหนดไว้ในแต่ละ หน่วยตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้  หากผู้ใดไม่มีหนังสือรับรองผลการเรียนมาแสดง  จะถือว่าไม่มีสิทธิในการสมัครสอบครั้งนี้
3.3  สำหรับทุนที่ให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท  ผู้สมัครสอบต้องเป็นผู้ซึ่งไม่เคยได้รับปริญญาโท  หรือเทียบเท่าปริญญาโทในสาขาและวิชาเอกหรือเน้นทางเดียวกับทุนที่จะไปศึกษา
3.4  ผู้สมัครสอบซึ่งเป็นผู้รับทุนรัฐบาลและอยู่ระหว่างดำเนินการไปศึกษาวิชา  ณ ต่างประเทศ  ไม่มีสิทธิสมัครสอบในครั้งนี้

3.5  ผู้สมัครสอบที่เคยได้รับทุนรัฐบาลไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศมาแล้ว  ต้องเป็นผู้ซึ่งหมดภาระผูกพันในการปฏิบัติราชการชดใช้ทุนตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับ ก.หรือส่วนราชการแล้ว ภายในวันที่ 23 มีนาคม 2550 ยกเว้น กรณีที่สมัครสอบในหน่วยทุนที่จัดสรรให้แก่ส่วนราชการเดียวกันกับที่ผู้สมัครสอบนั้นสังกัดอยู่  และต้องแสดงหนังสืออนุญาตให้สมัครสอบจากหัวหน้าส่วนราชการเจ้าสังกัด หากมิได้แสดงหนังสือดังกล่าว .. จะพิจารณาไม่ให้มีสิทธิสมัครสอบ หรือเพิกถอนการให้ทุน
3.6 ผู้สมัครสอบที่ได้รับทุนอื่น ๆ เพื่อศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ หรือในประเทศ  และ

ยังมีข้อผูกพันในการปฏิบัติราชการชดใช้ทุน ให้แสดงหนังสืออนุญาตให้สมัครสอบ และยินยอมให้โอนไปปฏิบัติงานในหน่วยงานที่ได้รับทุนจากหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าสังกัด หรือหัวหน้าหน่วยงานเจ้าของทุน หากมิได้แสดงหนังสือดังกล่าว ก.. จะพิจารณาไม่ให้มีสิทธิสมัครสอบ หรือเพิกถอนการให้ทุน

3.7  ผู้สมัครสอบที่เป็นข้าราชการ  ต้องแสดงหนังสืออนุญาตให้สมัครสอบและยินยอมให้โอนไปปฏิบัติงานในหน่วยงานที่ ได้รับทุนจากหัวหน้าส่วนราชการเจ้าสังกัด หากมิได้แสดงหนังสือดังกล่าว ก.. จะพิจารณาไม่ให้มีสิทธิสมัครสอบ หรือเพิกถอนการให้ทุน

3.8   สำหรับพระภิกษุหรือสามเณร ทางราชการไม่รับสมัครสอบและไม่อาจให้เข้าสอบแข่งขันเพื่อรับทุนรัฐบาล ฯ ทั้งนี้ ตามหนังสือกรมสารบรรณคณะรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ที่ นว 89/2501 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2501 และตามความในข้อ 5 ของคำสั่งมหาเถรสมาคม ลงวันที่ 17 มีนาคม 2538
4. การรับสมัครสอบ
4.1  ผู้ประสงค์จะสมัครสอบ ดูรายละเอียดได้ที่ ศูนย์ข่าวสำนักงาน ก.. ถนนติวานนท์ ซอย 4 อำเภอ เมือง จังหวัดนนทบุรี  ศูนย์ข่าวการสอบ ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร  สำนักงาน ก.พ.  เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา   สำนักงาน ก.พ. เครือข่ายมหาวิทยาลัยบูรพา  จังหวัดชลบุรี  สำนักงาน ก.พ. เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี  สำนักงาน ก.. เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง  สำนักงาน ก.พ. เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม  จังหวัดพิษณุโลก สำนักงาน ก.. เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สำนักงาน ก.. เครือข่ายมหาวิทยาลัยขอนแก่น สำนักงาน ก.. เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี สำนักงาน ก.. เครือข่ายมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และทาง Internet  ใน Website ของสำนักงาน ก.. ที่ http://www.ocsc.go.th , http://scholar.ocsc.go.th และ Website ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ http://stscholar.nstda.or.th
4.2     กำหนดวันรับสมัครสอบ และวิธีการสมัคร
4.2.1 ผู้ประสงค์จะสมัครสอบ สมัครได้ตั้งแต่วันที่ 12 23 มีนาคม 2550 ทางอินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตามขั้นตอนดังนี้
(1)     เปิดเว็บไซต์ http://scholar.ocsc.go.th กรอก ข้อความให้ถูกต้องและครบถ้วน ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด ระบบจะออกเลขประจำตัวและแบบฟอร์มการชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ให้โดยอัตโนมัติ
(2)     พิมพ์ใบสมัครและแบบฟอร์มการชำระเงินลงในกระดาษขนาด A4 จำนวน 2 แผ่น หรือ หากไม่มีเครื่องพิมพ์ในขณะนั้น ให้บันทึกข้อมูลเก็บไว้ในรูปแบบ File ลงในสื่อบันทึกข้อมูล เช่น Diskette เป็นต้น

ในกรณีที่ไม่สามารถพิมพ์ใบสมัครหรือบันทึกข้อมูลได้ ผู้สมัครสามารถเข้าไปพิมพ์ใบสมัคร หรือบันทึกข้อมูลลงในสื่อบันทึกข้อมูลใหม่ได้อีก แต่จะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในการกรอกใบสมัครในครั้งแรกที่สมบูรณ์แล้วได้

4.2.2  นำแบบฟอร์มการชำระเงิน ไปชำระเงินเฉพาะที่เคาน์เตอร์ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ ชื่อบัญชี ค่าธรรมเนียมสอบ ทุน ก.พ.ตั้งแต่วันที่ 12 26 มีนาคม 2550 ภายในเวลาทำการของธนาคาร การรับสมัครสอบจะมีผลสมบูรณ์ เมื่อชำระค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบแล้ว

4.2.3 ค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบประกอบด้วย
(1) ค่าธรรมเนียมสอบ หน่วยละ 100 บาท
(2) ค่าธรรมเนียมธนาคารรวมค่าบริการทางอินเทอร์เน็ต จำนวน 30 บาท

ค่าธรรมเนียมจะไม่จ่ายคืนให้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น


4.2.4 ใบสมัครที่พิมพ์จากอินเทอร์เน็ต ให้ติดรูปถ่ายหน้าตรง ไม่สวมหมวก และไม่สวมแว่นตาดำ ถ่ายไม่เกิน 1 ปี ขนาด 1 x 1.5 นิ้ว ลงลายมือชื่อในใบสมัครให้ครบถ้วน และนำมายื่นในวันสอบข้อเขียน

4.2.5  ผู้สมัครสอบสมัครได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

4.2.6  การสมัครสอบตามขั้นตอนข้างต้น ถือว่าผู้สมัครเป็นผู้ลงลายมือชื่อ และรับรองความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544  ดังนั้นหาก ผู้สมัครจงใจกรอกข้อมูลอันเป็นเท็จ อาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 137

4.3  เอกสาร หลักฐานที่ต้องยื่นในวันสอบข้อเขียน
4.3.1        หลักฐานที่ใช้แสดงตนในการเข้าสอบ
บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบัตรที่ทางราชการออกให้ ซึ่งมีรูปถ่าย ลายมือชื่อ และเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ชัดเจน
4.3.2  หลักฐานที่นำมายื่นให้เจ้าหน้าที่
(1)  ใบสมัครที่พิมพ์จากอินเทอร์เน็ต ติดรูปถ่ายหน้าตรง 1 x 1.5 นิ้ว ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตาดำ ถ่ายไว้ไม่เกิน 1 ปี ลงลายมือชื่อในใบสมัครให้ครบถ้วน
(2)  สำเนาปริญญาบัตร หรือสำเนาหนังสือรับรองฉบับสภามหาวิทยาลัยอนุมัติหรือสำเนาหนังสือรับรอง คุณวุฒิ หรือสำเนาหนังสือรับรองสถานภาพการศึกษา และ สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนตลอดหลักสูตร (Transcript of Records)
(3)  สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนตลอดหลักสูตร (Transcript of Records) ของระดับปริญญาตรีและปริญญาโท สำหรับผู้ที่ใช้วุฒิปริญญาโทในการสมัครสอบเพื่อรับทุนไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก

(4)  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน

(5)  หนังสืออนุญาตให้สมัครสอบและยินยอมให้โอนไปปฏิบัติงาน ในหน่วยงานที่ได้รับทุนจากหัวหน้าส่วนราชการเจ้าสังกัด หรือหัวหน้าหน่วยงานเจ้าของทุนตามแบบฟอร์ม สนง. ก.พ. 5 ที่สำนักงาน ก.พ. กำหนด ในกรณีที่ผู้สมัครสอบเป็นข้าราชการ หรือผู้สมัครสอบที่มีข้อผูกพันกับส่วนราชการในการปฏิบัติราชการชดใช้ (ต้องได้รับอนุญาตภายในวันปิดรับสมัคร)
(6)  หลักฐานการชำระเงินค่าธรรมเนียมสอบจากเคาน์เตอร์ บมจ. ธนาคารกรุงไทย
(7)  เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล  ใบสำคัญการสมรส หนังสือรับรองผลการเรียน ผลการทดสอบภาษาอังกฤษ เป็นต้น

สำเนาเอกสารทุกฉบับให้เขียนรับรอง สำเนาถูกต้องลงชื่อ วันที่ ระบุเลขประจำตัวสอบ กำกับไว้มุมด้านขวาของเอกสารทุกฉบับ และให้บรรจุเอกสารดังกล่าวในซองเอกสารขนาด A4 เขียนชื่อ

นามสกุล เลขประจำตัวสอบไว้ที่หน้าซอง

4.4  ใน การสมัครสอบ  ผู้สมัครสอบต้องตรวจสอบและรับรองตนเองว่ามีคุณสมบัติตรงตามประกาศรับสมัคร สอบจริง และต้องกรอกรายละเอียดต่าง ๆ ให้ถูกต้องครบถ้วน ตรงตามความเป็นจริง หากปรากฏภายหลังว่าผู้สมัครสอบผู้ใดมีคุณสมบัติไม่ตรงตามประกาศรับสมัครสอบ หรือมีความผิดพลาดอันเกิดจากผู้สมัครสอบ จะถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการสมัครสอบครั้งนี้มาตั้งแต่ต้น และจะไม่คืนค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบ

4.5  ในการสอบแข่งขันเพื่อรับทุนฯ  ประจำปีงบประมาณ 2550
4.5.ผู้สมัครสอบ สามารถสมัครสอบได้ ประเภททุน
4.5.ผู้สมัครสอบมีสิทธิสมัครสอบได้ประเภททุนละ 1 <>


About Auther : bowing  (420 Posts)


Share this Story

Comments are closed.

Translation

Englishภาษาไทย

คำค้น